Temperature Mapping ไม่ได้มีไว้แค่ ‘ผ่านหรือไม่ผ่าน’ แต่คือหลักฐานของคุณภาพ

หลายคนรู้จัก Temperature Mapping แค่ในมุมของ “ต้องทำเพื่อให้ผ่านเกณฑ์”
แต่ในความเป็นจริง…มันเป็นเครื่องมือที่ช่วยบอกคุณได้เลยว่า ระบบควบคุมอุณหภูมิของคุณ เสถียรแค่ไหน เชื่อถือได้หรือไม่ และมีจุดไหนที่ควรปรับปรุงก่อนจะเกิดปัญหาใหญ่

วันนี้เราจะพาคุณดูเบื้องหลังของ Temperature Mapping แบบที่องค์กรระดับ WHO แนะนำ และวิธีทำให้ข้อมูลที่ได้ ไม่ใช่แค่ “เพื่อผ่านการตรวจสอบ” แต่คือ “หลักฐานของคุณภาพระบบ”


ทำไมต้อง Mapping?

ไม่ดูแค่ค่าเซ็นเซอร์หลักพอเหรอ?

คำตอบคือ “ไม่พอแน่นอน”

อุณหภูมิจริงในพื้นที่หนึ่ง ๆ ไม่ได้เท่ากันทุกจุด — ต่อให้เซ็นเซอร์กลางอ่านค่า 5°C แต่ที่มุมล่างของห้องอาจต่ำกว่าหรือสูงกว่าจนเสี่ยงต่อคุณภาพสินค้าได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ควบคุมอุณหภูมิ เช่น:

  • ห้องเย็น ห้องเก็บยา
  • ตู้แช่ วัคซีน ตู้ควบคุมความชื้น
  • รถขนส่งควบคุมอุณหภูมิ
  • ห้องคลีนรูมในโรงงานผลิต

Temperature Mapping คือกระบวนการตรวจสอบความสม่ำเสมอของอุณหภูมิในพื้นที่เหล่านี้แบบ “มองทุกจุด” เพื่อให้คุณมั่นใจว่าอุณหภูมิไม่ได้แค่ “อยู่ในช่วง” แต่ “กระจายได้ดีจริง”

ขั้นตอน Mapping ที่ควรรู้ (ตาม WHO TRS961 Annex 9)

1. เริ่มที่การวางแผน (Protocol)

ก่อนจะเริ่ม Mapping จริง ต้องมีแผนงานชัดเจน ว่าจะ:

  • ใช้กี่เครื่อง (Data Logger)
  • วางตรงไหนบ้าง
  • เก็บข้อมูลกี่วัน
  • และจะวิเคราะห์ผลยังไง

นี่คือสิ่งที่ WHO เน้นมาก เพราะถ้าการวางจุดไม่ครอบคลุม คุณก็จะ “มองไม่เห็น” ปัญหาบางจุดที่ซ่อนอยู่

2. วางจุด Data Logger ให้ครอบคลุม

ตาม WHO แนะนำ พื้นที่เล็ก ๆ ควรมีอย่างน้อย 9 จุด และควรวางให้ครอบคลุมทุกมิติ:

  • มุมบน–ล่าง–กลาง
  • ด้านหน้า–กลาง–หลัง
  • สำหรับห้องที่สูงเกิน 3.6 เมตร ควรมี Logger ในแนวตั้งหลายระดับ

หลายโรงงานมักวางแต่ “ระดับสายตา” ซึ่งพลาด Hot/Cold Spot ไปแบบไม่รู้ตัว

3. ติดตั้งเครื่องมือที่ผ่านการสอบเทียบ

Data Logger ทุกตัวต้องมี Certificate การสอบเทียบที่อ้างอิงได้ถึง ISO/IEC 17025 เพื่อให้มั่นใจว่าค่าที่ได้ “วัดแล้วแม่นจริง”

นอกจากนี้ ยังควรตั้งเวลาให้ Logger ทุกเครื่องเริ่มบันทึกพร้อมกัน และเลือกช่วงการเก็บข้อมูลที่ละเอียดพอ เช่น บันทึกทุก 5 นาที

แล้วต้องเก็บข้อมูลนานแค่ไหน?

ขึ้นอยู่กับลักษณะพื้นที่:

  • สำหรับห้องเย็น ตู้แช่ หรือคลังยา: แนะนำเก็บข้อมูล 7 วันเต็ม เพื่อให้เห็นพฤติกรรมของอุณหภูมิตอนกลางวัน–กลางคืน วันหยุด และวันที่โหลดงานหนัก
  • สำหรับตู้เล็กหรือการ Mapping เฉพาะกิจ: อาจเก็บแค่ 24–72 ชั่วโมง

แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องเก็บในช่วงเวลาที่ใช้งานจริง เพื่อให้ผลสะท้อนพฤติกรรมที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง ไม่ใช่แค่ช่วง “ระบบนิ่ง”

วิเคราะห์ข้อมูลอย่างไร?

หลังได้ข้อมูลครบ สิ่งที่ต้องทำคือ:

  1. หาค่าสูงสุด–ต่ำสุด–เฉลี่ย ของทุกจุด
  2. ระบุจุดที่เป็น Hot Spot / Cold Spot
  3. ดูว่ามีจุดไหนออกนอกช่วงที่กำหนด (เช่น เกิน 8°C สำหรับพื้นที่ควบคุมยา)
  4. เปรียบเทียบค่ากับเซ็นเซอร์หลัก (Master Sensor) ที่ใช้ Monitor ประจำ

ถ้า Master Sensor แสดงค่าโอเค แต่จุดอื่นมีปัญหา → นี่แหละคือสัญญาณว่าคุณอาจ “กำลัง Monitor จุดที่ไม่ปลอดภัย”

Mapping แล้วได้อะไรบ้าง?

สิ่งที่ได้ทำไมถึงสำคัญ
รู้จุดร้อน–เย็นปรับปรุงระบบก่อนเสียหาย
ข้อมูลสนับสนุน Auditตอบคำถาม อย., PIC/S ได้มั่นใจ
ยืนยันประสิทธิภาพระบบทั้งระบบทำความเย็น และการไหลเวียนลม
สร้างความน่าเชื่อถือในห่วงโซ่โดยเฉพาะกับลูกค้าหรือผู้ตรวจสอบ

กรณีจริงที่พบจากหน้างาน (อ้างอิงจากโครงการจริง)

คลังสินค้ายา
พบว่าในช่วงบ่ายของวันทำงาน จุดใกล้ประตูมีอุณหภูมิสูงกว่าโซนอื่นเกิน 2°C → แนะนำติดม่านลม และย้ายสินค้าออกจากพื้นที่เสี่ยง

ตู้แช่ควบคุม 2–8°C
ด้านล่างซ้ายของตู้มีค่าเฉลี่ย 1.2°C ต่ำกว่ากำหนด และเสี่ยงน้ำแข็งเกาะ → ต้องปรับความแรงพัดลม และเพิ่มฉนวนในจุดนั้น

รถขนส่งยา
พบว่าอุณหภูมิพุ่งขึ้นถึง 10°C เวลารถจอดกลางแดด → ต้องติดตั้งระบบแจ้งเตือนอุณหภูมิ และใช้ฉนวนสะท้อนความร้อน

ต้องทำ Mapping เมื่อไหร่?

  • ก่อนใช้พื้นที่ควบคุมใหม่
  • เมื่อย้ายตำแหน่งสินค้า หรือปรับปรุงระบบทำความเย็น
  • รอบการตรวจประจำปี (ตามแนวทาง GMP)
  • หลังพบว่า Sensor แสดงค่าผิดปกติ
  • ก่อนการตรวจสอบสำคัญ

การ Mapping ไม่ใช่แค่ทำครั้งเดียวแล้วจบ แต่ควรทำซ้ำเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง เพราะอุณหภูมิไม่เคย “นิ่ง” ตลอดไป

ทำไมองค์กรที่เน้นคุณภาพถึงต้องทำ Mapping อย่างจริงจัง?

เพราะในระบบที่ดี การ “รู้ปัญหาก่อนเกิด” ดีกว่ารอให้สินค้าถูก Reject

การ Mapping จะช่วยให้คุณ:

  • ปรับระบบก่อนเสียหายจริง
  • ตอบ Audit ได้อย่างมั่นใจ
  • ป้องกันการเรียกคืนสินค้า
  • สร้างความเชื่อมั่นให้ทั้งทีม QA และลูกค้า

ถ้าคุณกำลังจะ Mapping…อย่าลืมสิ่งเหล่านี้:

  • ใช้ Logger ที่สอบเทียบแล้ว
  • ติดตั้งให้ครอบคลุมทุกมิติ
  • เก็บข้อมูลอย่างน้อย 7 วัน (ถ้าเป็นพื้นที่หลัก)
  • วิเคราะห์หา Hot/Cold Spot จริง ไม่ใช่แค่เช็คค่าเฉลี่ย
  • ทำรายงานพร้อมคำแนะนำ ไม่ใช่แค่ “ผ่าน/ไม่ผ่าน”

QV TEST – Temperature Mapping แบบมืออาชีพ พร้อมรายงานใน 10 วัน

ถ้าคุณอยากให้ทีมของคุณมั่นใจว่าอุณหภูมิในระบบควบคุมของคุณ เชื่อถือได้ ไม่ใช่แค่ดูดีบนหน้าจอ
QV TEST คือทีมมืออาชีพด้าน Mapping ที่:

  • วางแผนตาม WHO TRS 961
  • ติดตั้งอุปกรณ์สอบเทียบมาตรฐาน ISO/IEC 17025
  • วิเคราะห์เชิงลึก พร้อมคำแนะนำปรับปรุง
  • ส่งรายงานพร้อมใช้งานภายใน 10 วัน

📞 ติดต่อเราได้ทันที เพื่อขอใบเสนอราคา หรือคำปรึกษาเฉพาะพื้นที่ของคุณ

เพราะ Temperature Mapping ไม่ใช่แค่ “ผ่านไม่ผ่าน”
แต่คือหลักฐานว่า “คุณเข้าใจระบบของคุณดีแค่ไหน”

Make Appointment

Estimate Your Project With Us

We provide expert consultation and cost estimation for clean room design, construction, validation, and maintenance based on industry standards such as ISO 14644, GMP, and FDA regulations.

QV Test CO.,Ltd.18/14 Soi Nawamin 111 Yak 4, Nawamin, Buengkum, Bangkok 10230 Thailand

Copyright ©2017 QVTest CO., LTD. All Right Reserved